กรุงเทพเป็นเมืองหลวง เป็นศูนย์รวมความศิวิไลต่างๆเอาไว้มากมาย มีผู้คนจำนวนไม่น้อยที่คิดว่ากรุงเทพฯ เป็นเมืองแห่งความวุ่นวาย รถติดและไม่อยากจะผ่านเข้ามา แต่จะมีใครรู้หรือเปล่าว่าท่ามกลางป่าปูนในกรุงเทพฯนั้น ยังมีสถานที่อีกหลายแห่งที่มีมุมสวยงามเป็นธรรมชาติ ที่สำคัญยังมีเรื่องราวประวัติศาสตร์แฝงไว้ และคนกรุงเทพมักใช้เป็นที่ผ่อนคลายหลังเลิกงาน สถานที่เหล่านั้นตั้งอยู่แห่งหนใดของกรุงเทพบ้าง มาดูกันเลยค่ะ
ท่ามหาราช
เป็นย่านพักผ่อนที่กำลังมาแรงของคนเมืองกรุง ตั้งอยู่บนเกาะรัตนโกสินทร์ซึ่งเป็นศูนย์กลางของแหล่งท่องเที่ยวสำคัญอีกหลายแห่ง สำหรับท่ามหาราชนั้นเป็นการแปลงโฉมจากอาคารพาณิชย์ที่มีอยู่ริมน้ำเจ้าพระยา บางแห่งก็สร้างขึ้นมาใหม่ ปรับเปลี่ยนและพัฒนาเป็น “ไลฟ์สไตล์มาเก็ต” ที่มีหลากหลายบรรยากาศ ให้เข้ากับยุคสมัยของคนรุ่นใหม่ แต่ก็ยังไม่ละทิ้งกลิ่นอายของวิถีชีวิตริมน้ำโดยการใช้เรือสัญจรที่มีมาตั้งแต่ในอดีต
นอกจากท่ามหาราชจะโดดเด่นด้วยบรรยากาศสบายๆริมน้ำท่ามกลาง คอมมูนิตี้มอลล์แบบครบวงจรแล้ว ยังเป็นท่าเรือข้ามฟากที่สำคัญเชื่อมเส้นทางระหว่างฝั่งพระนครและฝั่งธนบุรีเข้าด้วยกัน หรือที่หลายคนรู้จักกันใน ท่าวังหลังนั่นเอง สำหรับท่ามหาราชจะมีผู้คนคึกคักในช่วงเย็นและตอนกลางคืน ซึ่งมีนักท่องเที่ยวทั้งคนไทยและต่างชาติ มีหลายมุมหลายโซนให้เลือกเก็บเกี่ยวบรรยากาศไม่ว่าจะเป็นโซนริมน้ำ หรือโซนดาดฟ้า ก็สามารถนั่งชิลผ่อนคลายอารมณ์ได้ดีไม่ต่างกัน
สวนลุมพินี
เป็นสวนสาธารณะที่รู้จักกันอย่างแพร่หลายในกรุงเทพฯ ตั้งอยู่แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน ความสำคัญของสวนลุมพินีคือ เป็นสวนสาธารณะแห่งแรกในกรุงเทพฯ สร้างเมื่อปี พ.ศ. 2468 ในสมัยรัชกาลที่ 6 เดิมชื่อทุ่งศาลาแดง ในอดีตที่ทุ่งศาลาแดงแห่งนี้เป็นสถานที่ที่พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว หรือ รัชกาลที่ 6 ทรงมีพระราชดำริให้จัดงานแสดงสินค้าระดับนานาชาติขึ้นเป็นครั้งแรกเพื่อให้ชาวสยามได้เห็นสินค้าต่างๆที่สามารถผลิตเองได้ และต้องการจำหน่ายสินค้าให้ชาวต่างชาติ เพื่อคลี่คลายปัญหาเศรษฐกิจตกต่ำ พระองค์ทรงมีแผนสร้างสิ่งปลูกสร้างต่างๆ และสวนสาธารณะเพื่อประชาชนภายในสวนที่จะใช้จัดงานแสดงสินค้าและพระราชทานนามสวนแห่งนี้ว่า “สวนลุมพินี” แต่พระองค์ทรงสวรรคตก่อนการแล้วเสร็จ สวนลุมพินีจึงได้ถูกรื้อฟื้นอีกครั้งและดำเนินการก่อสร้างต่อไปในสมัยรัชกาลที่ 7 ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
สวนลุมพินีจึงกลายเป็นสวนสาธารณะแห่งแรกในพระนครที่ประชาชนได้เข้ามาพักผ่อนหย่อนใจ ตามพระราชประสงค์ของกษัตริย์ทั้งสองพระองค์ แม้ว่าสวนลุมพินีจะมีอายุเกือบ 100 ปีแล้ว แต่ก็ยังเป็นสถานที่ที่มีผู้คนแวะเวียนไปเที่ยวเล่นอยู่เป็นประจำ ทั้งออกกำลังกาย ถ่ายรูป พักผ่อน ถีบเรือ ปั่นจักรยานรอบเกาะลอย และเป็นที่พบปะสนทนากัน ส่วนมากจะเป็นในช่วงเย็นซึ่งเป็นช่วงที่อากาศกำลังดี
เสาชิงช้า
เป็นโบราณสถานสำคัญที่ใช้ประกอบพิธีทางพราหมณ์ ตั้งอยู่ที่หน้าวัดสุทัศน์เทพวนาราม แขวงเสาชิงช้า เขตพระนคร มีลักษณะเป็นเสาชิงช้าขนาดใหญ่บนแท่นหินปูกระเบื้องดินเผาสีแดง ส่วนความสูงอยู่ที่ 21 เมตร โครงยึดหัวเสาทั้งสองด้าน แกะสลักลวดลายงดงามและฉาบทาด้วยสีแดงชาดทั้งหมด ตามประวัติกล่าวว่า เสาชิงช้าได้รับประกาศให้ขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานสำคัญของชาติเมื่อวันที่ 22 พ.ย. 2492 เดิมตั้งอยู่ริมถนนบำรุงเมืองบริเวณลานด้านเหนือวัดสุทัศน์เทพวนาราม และมีมาตั้งแต่ พ.ศ. 2327 ในรัชกาลที่ 5 ได้มีการโยกย้ายมาตั้งอยู่บริเวณหน้าวัดสุทัศน์เทพวนาราม และได้มีการสร้างใหม่ด้วยไม้สักในปี พ.ศ. 2463 ซึ่งตรงกับการปกครองของรัชกาลที่ 6
สำหรับเสาชิงช้านั้นมีไว้เพื่อประกอบพิธีโล้ชิงช้าซึ่งเป็นพิธีพราหมณ์ และเป็นส่วนหนึ่งของพิธีตรียัมปวาย ซึ่งจัดให้มีในเดือนยี่ของทุกๆปี แต่มาสิ้นสุดในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 7) เมื่อปี พ.ศ. 2474 เนื่องจากประสบปัญหาภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ ปัจจุบันเสาชิงช้าเป็นเหมือนสัญลักษณ์ของกรุงเทพที่มีนักท่องเที่ยวมาแวะชม ถ่ายรูปโบราณสถานสำคัญของไทย แม้จะไม่คึกคักเหมือนแหล่งท่องเที่ยวอื่น แต่ในช่วงเย็นหรือช่วงกลางคืนจะมีนักท่องเที่ยวมาเดินเล่น ทั้งถ่ายรูป เดินชมบรรยากาศ และหาของกินอร่อยๆแถวนั้น
ซื้อตั๋วเดินทางราคาถูก “ทั่วโลก” ได้ที่นี่ (เลือกพาหนะเดินทางได้ทุกประเภท)
พิมพ์ต้นทาง – ปลายทาง โดยสามารถพิมพ์เป็นภาษาไทยได้