เที่ยวเขาอู่ตัง เยือนสำนักบู๊ตึ้ง แหล่งบำเพ็ญเพียนเทพเจ้าเสวียนอู่

หลายคนคงพอจะคุ้นหูกับคำว่าสำนักบู๊ตึ๊ง ในหนังจีนกำลังภายในหลายเรื่อง เราเห็นแล้วมีแต่คนเก่งๆ ทางวรยุทธทั้งนั้น แต่ที่แปลกใจคือแล้วสำนักบู๊ตึ๊งจริงๆ อยู่ที่ไหน มีจริงหรือไม่ ยังคงเป็นคำถามคาใจอยู่ เราจึงพาคุณไปรู้จักเขาบู๊ตึ๊งกัน

ทิวเขาอู่ตัง (Ancient Building Complex in the Wudang Mountains: 武当山: Wǔdāng Shān) หรือเรียกว่า บู๊ตึ๊ง ในภาษาจีนฮกเกี้ยน อยู่ในมณฑลหูเป่ย์ ประเทศจีน เป็นเทือกเขาที่มีความสำคัญ ในการเป็นต้นกำเนิดปรัชญาคำสอนของลัทธิเต๋า ซึ่งมีเรื่องเล่าว่าอาจารย์เจินอู่ หรือเสวียนอู่ ได้ขึ้นมาบนเขาเพื่อบำเพ็ญตบะ รวมทั้งได้ใช้วิชาทั้งบุ๋นและบู้ ต่อกรกับภิกษุหลายรูปของฝ่ายพุทธจนได้รับชัยชนะ สามารถยึดเขาแห่งนี้เป็นที่พำนักสร้างอาราม กระทั่งสำเร็จเป็นเซียนหรือเทพเจ้า ดินแดนเปรียบเหมือนแดนสุขาวดีและสรวงสวรรค์

จึงทำให้เขาบู๊ตึ๊งนี้กลายเป็นแหล่งศึกษาวิชาความรู้ ของนักพรตลัทธิเต๋ามาหลายสมัย อีกทั้งเป็นต้นกำเนิดกังฟูสำนักบู๊ตึ๊งด้วย มีนักพรตขึ้นมาบนเขาเพื่อมาศึกษาวิชาไม่ขาดสาย ทั้งความรู้เชิงปรัชญาของลัทธิเต๋า และเรียนวิชากังฟูควบคู่กันไป

เขาบู๊ตึ๊งได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกเมื่อปี เมื่อปี พ.ศ. 2537 เนื่องจากเป็นสถานที่ที่รวมสิ่งก่อสร้าง ตามแบบสถาปัตยกรรมจีน หลายยุคหลายสมัยเข้าด้วยกัน ตั้งแต่ราชวงศ์ถัง ราชวงศ์ซ่ง ราชวงศ์หยวน เรื่อยมากระทั่งราชวงศ์หมิง และราชวงศ์ชิง รวมได้กว่าพันปี ซึ่งเขตโบราณสถานบนเขาบู้ตึ๊ง มีพื้นที่รวมทั้งสิ้น 321 ตารางกิโลเมตร ประกอบด้วย ส่วนที่เป็นหมู่ตึกโบราณ และสถาปัตยกรรมสิ่งก่อสร้างสมัยราชวงศ์หมิง เนื่องมาจากกษัตริย์เฉิงจู่จูตี้ (หย่งเล่อ) ทรงเคารพเลื่อมใสในลัทธิเต๋ามาก พระองค์โปรดให้มีการสร้าง ศาสนสถานขึ้นมากมาย จึงกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรม และส่วนที่เป็นทิวทัศน์ธรรมชาติอันสวยงาม

การเดินทางขึ้นมายังเขาบู๊ตึ๊งต้องใช้กระเช้าขึ้นมา

โดยคุณต้องแบ่งเวลาตอนเช้าเดินทางขึ้นกระเช้าไปยังยอดเขาสูงกว่า 1,612 เมตร เพื่อไปขอพรเจ้าพ่อเสือ (เทพเจ้าเจินอู่ต้าตี้) หรือเฮี้ยงบู้ซัว ยังตำหนักทอง หรือ วิหารทอง เพราะเชื่อว่าจะนำโชคลาภมาให้ ผู้ได้รับการยกย่องเป็นหนึ่งในเทพเจ้าของลัทธิเต๋า ท่านสามารถดลบันดาลให้โชคลาภตามที่คุณขอ และประทานความสำเร็จในหน้าที่การงาน ประทานโชคดีให้ ทำให้มีคนจีนนิยมขึ้นมาบนเขา เพื่อขอพรแบบไม่เหน็ดเหนื่อยกันเลย

หลังจากนั้นไปตำหนักจวนหวิน หรือ ไท่เหอกง เพื่อขอพรให้กับลูกหลานตามความเชื่อของคนจีน ส่วนตอนบ่ายไปเที่ยวชมวังจื่อเซียวกง หรือ วังเมฆสีม่วง และชมวังหนานเหยียน ซึ่งตั้งอยู่บริเวณเชิงเขา ท่ามกลางธรรมชาติอันงดงาม ทำให้คุณลืมความเหนื่อยในการเดินทางเลยล่ะ

หากจะมาเที่ยวเขาอู่ตังหรือเขาบู๊ตึ๊ง สามารถมาได้ทั้งปี เพราะความสวยไม่เคยหายไปจากยอดเขาแห่งนี้ ในฤดูใบไม้ผลิมีสีสันของดอกไม้ ในฤดูใบไม้ร่วงใบไม้กำลังจะผลัดใบ จึงมีสีส้มสีแดงปกคลุมทั่วทั้งเทือกเขา และในฤดูหนาวก็จะมีหิมะตกปกคลุมขาวโพลน ดังนั้นไม่ว่าคุณจะมาฤดูกาลไหน คุณจะได้ภาพสวยงาม และน่าประทับกลับไป แตกต่างกันไปตามฤดูกาล แล้วคุณล่ะจะมาสัมผัสภาพเหล่านั้นหรือเปล่า