สปสช. แจงปรับแนวทางเบิกค่าอาหาร HI 1 มี.ค.นี้ เตรียมลดปัญหาคนไม่ได้อาหารเลย หลังปีที่แล้วพบถึง 27% พร้อมปรับวิธีเบิกจ่ายค่าอาหารไม่ให้ล่าช้า
วันที่ 20 ม.ค.2565 พญ.กฤติยา ศรีประเสริฐ ผู้เชี่ยวชาญพิเศษ สายงานบริหารกองทุน สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กล่าวในเวทีเสวนา “การจัดส่งอาหารให้ผู้ติดเชื้อโควิด 19 ที่เข้าระบบการรักษาที่บ้าน Home Isolation” เมื่อเร็ว ๆ นี้ ว่า การระบาดของโควิดขณะนี้เป็นโอมิครอน ส่วนมากผู้ติดเชื้อ 90-95% ไม่มีอาการหรืออาการเล็กน้อย โดยกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ประกาศนโยบายรักษาที่บ้าน (Home Isolation : HI) และชุมชน (Community Isolation : CI) เป็นทางเลือกแรก
พญ.กฤติยา กล่าวต่อว่า สปสช.ซึ่งเป็นกองทุนสำหรับจ่ายค่ารักษา รวมถึงค่าอาหารด้วย กรณีเหมาจ่ายค่ารักษาพยาบาลรวมอาหารจะจ่าย 1,000 บาท/วัน แต่รักษาพยาบาลอย่างเดียวไม่รวมอาหารจะจ่ายที่ 600 บาท/วัน รวมไม่เกิน 10 วัน แต่จะปรับหลักเกณฑ์ในวันที่ 1 มี.ค.2565 เป็นเหมาจ่ายต่อการให้บริการผู้ป่วย 1 ราย กรณีรักษา 7 วันขึ้นไปรวมค่าอาหาร 12,000 บาท หากไม่รวมค่าอาหารจะอยู่ที่ 8,000 บาท
พญ.กฤติยา กล่าวอีกว่า จากการติดตามประเมินผลการจัดส่งอาหารให้ผู้ติดเชื้อโควิดที่เข้าระบบ HI ในปี 2564 พบว่า ส่วนใหญ่ได้รับอาหารทุกวัน 66.63% ไม่ได้รับอาหารเลย 27.76% และได้รับอาหารเป็นบางวัน 5.6% ซึ่งระลอกนี้ สปสช.พยายามลดส่วนที่ไม่ได้รับอาหารให้ได้มากที่สุด นอกจากนี้ ยังพบปัญหาเบิกจ่ายค่าอาหารจากผู้ประกอบการ เช่น
ไม่พบหลักฐานการจัดส่งอาหารหรือรับอาหารตามวันที่ขอเบิก หรือมีหลักฐานการจัดซื้ออาหารแต่ไม่พบหลักฐานการบริการอาหารรายบุคคล หรือส่งภาพหลักฐานหน้าจอการสนทนาทางไลน์ ซึ่งไม่มีวันที่และ Line ID ทำให้ไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นผู้ติดเชื้อจริง
พญ.กฤติยา กล่าวว่า ดังนั้นเพื่อความราบรื่นในการเบิกจ่ายค่าอาหาร ผู้ประกอบการควรมีมีหลักฐานที่บ่งบอกชื่อ-นามส่งสกุลผู้ติดเชื้อ หรือหลักฐานการจัดอาหารจากผู้ผลิตอาหารจัดส่งให้ผู้ติดเชื้อตามจำนวนวันที่เบิกเป็นรายบุคคล หรือหลักฐานการรับอาหารของผู้ติดเชื้อหรือญาติ ทั้งนี้ เพื่อให้การจ่ายเงินค่าอาหารเป็นไปอย่างรวดเร็ว
พญ.กฤติยา กล่าวว่า ส่วนปัญหาการเบิกจ่ายค่าอาหารล่าช้า เนื่องจากตามระเบียบแล้ว สปสช. สามารถจ่ายเงินให้เฉพาะหน่วยบริการ ดังนั้นเงินค่าอาหารจะถูกจ่ายไปที่โรงพยาบาล แล้วจึงเป็นกระบวนการภายในของโรงพยาบาลที่จะเบิกจ่ายเงินแก่ร้านอาหาร ซึ่งด้วยความที่ระบบ HI เป็นเรื่องใหม่ในไทย ทำให้ในช่วงที่ผ่านมาอาจมีความติดขัด
“แต่ สปสช.รับทราบปัญหาและปรึกษากับทางสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ซึ่งมีข้อชี้แนะว่าในส่วนของค่ารักษาให้นำเข้าบัญชีเงินบำรุงของโรงพยาบาล ส่วนค่าอาหาร HI ให้ทำเป็นเงินรับฝาก เมื่อร้านอาหารมาเบิกค่าอาหารก็นำออกมาจ่ายโดยไม่ต้องเอาเงินภายในโรงพยาบาล ทำให้กระบวนการเบิกเงินง่ายขึ้น ซึ่งที่ผ่านมา สปสช.ได้ชี้แจงหน่วยบริการไปแล้ว คาดว่าในระยะต่อไปหน่วยบริการจะมีความเข้าใจกระบวนการมากขึ้น” พญ.กฤติยา กล่าว
ด้าน นางฐนิวรรณ กุลมงคล นายกสมาคมภัตตาคารไทย กล่าวว่า การจัดส่งอาหารแก่ผู้ป่วยในระบบ HI ทางสมาคมฯสามารถเป็นโซลูชั่นหรือตัวกลางแก่หน่วยบริการในการจัดหาอาหารและการขนส่ง ซึ่งนอกจากประกอบอาหารและจัดส่งแล้ว สมาคมฯยังมีแพล็ตฟอร์มอำนวยความสะดวกอื่น ๆ เช่น มีแอพพลิเคชัน “ปันสุข” ซึ่งผู้ป่วยสามารถติดตามได้ว่าอาหารส่งถึงไหนแล้ว แพ้อาหารอะไรก็สามารถแจ้งได้ เมนูต่าง ๆ อิงกับมาตรฐานโภชนาการ ได้คุณค่าทางอาหารครบถ้วน มีบริการ Call Center และมีการเก็บข้อมูลในระบบคลาวด์ที่ สปสช.หรือกระทรวงสาธารณสุข สามารถดูข้อมูลย้อนหลังได้ 12 เดือน
“สมาคมมีเครือข่ายสมาชิกที่พร้อมให้บริการประชาชน และนอกจากเครือข่ายของสมาคมภัตตาคารไทยแล้ว เรายังมีสมาคมหรือชมรมผู้ประกอบการอาหารอื่น ๆ ที่ได้มาตรฐาน Clean food good teste จากกรมอนามัย ซึ่งในรอบที่ผ่านมาสมาคมภัตตาคารไทยเป็นหัวเรือใหญ่ในการรวบรวมผู้ประกอบการร้านอาหารเพื่อส่งอาหารให้ผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่ศูนย์บริการสาธารณสุข สำนักอนามัย กทม. ดูแล ได้ประมาณ 270,000 คน ใน กทม. สามารถทำได้ 30,000 กล่อง ส่วนในต่างจังหวัดก็มีสมาคม/ชมรมร้านอาหารในทุกจังหวัด ซึ่งสมาคมฯพร้อมเป็นคนกลางประสานงานให้ในพื้นที่” นางฐนิวรรณ กล่าว
นางฐนิวรรณ กล่าวต่อว่า ปัญหาในการดำเนินงานในช่วงที่ผ่านมาให้ สปสช. ทราบว่ารัฐสนับสนุนค่าอาหารที่ 400 บาท/3 มื้อ แต่มีผู้ที่ได้รับงานจากโรงพยาบาลต่าง ๆ แล้วมาจ้างต่อในราคา 145 บาท/3 มื้อ หรือมื้อละ 45-50 บาท จึงทำให้บางส่วนได้อาหารตามราคา ดังนั้นทั้งผู้ป่วยและผู้ประกอบการควรจะได้ทราบสิทธิที่รัฐบาลดูแล
นางฐนิวรรณ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ ในขั้นตอนในการส่งมอบงานต้องมีการใช้เอกสารจำนวนมากตามระบบราชการ มีต้นทุนค่าบริหารจัดการ ดังนั้นจึงอยากฝาก สปสช. กำหนดเป็นนโยบายในภาพใหญ่ให้สามารถใช้ระบบออนไลน์ในการส่งมอบงานได้ รวมทั้งระยะเวลาการเบิกเงิน 60 วันก็ค่อนข้างนาน
ทั้งนี้ หากมีผู้ประกอบการสนใจเข้าร่วมให้บริการผู้ป่วย Home Isolation กับทางสมาคมฯ หรือมีโรงพยาบาลทั้งใน กทม.และต่างจังหวัด ต้องการให้สมาคมฯประสานงานกับผู้ประกอบการร้านอาหารในพื้นที่ให้ สามารถส่งข้อความมาได้ที่ inbox ข้อความของเพจเฟซบุ๊ก สมาคมภัตตาคารไทย – Thai Restaurant Association (https://www.facebook.com/Thairestaurantasso) ซึ่งจะมีแอดมินหลายคนคอยดูแลประสานงานต่างๆให้
อ้างอิง
https://www.khaosod.co.th/covid-19
ซื้อตั๋วเดินทางราคาถูก “ทั่วโลก” ได้ที่นี่ (เลือกพาหนะเดินทางได้ทุกประเภท)
พิมพ์ต้นทาง – ปลายทาง โดยสามารถพิมพ์เป็นภาษาไทยได้