ช่องเขาขาด หรือ “พิพิธภัณฑ์แห่งความทรงจำช่องเขาขาด” เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ ที่สร้างขึ้นโดยรัฐบาลไทยและรัฐบาลออสเตรเลีย เพื่อเป็นแหล่งเรียนรู้ให้ผู้ที่มีความสนใจในประวัติศาสตร์ได้เข้าใจเกี่ยวกับเหตุการณ์สงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในหน้าประวัติศาสตร์โลก และเพื่อเป็นการรำลึกถึงเชลยศึกสงครามและแรงงานกรรมกรที่จบชีวิตระหว่างการขุดเจาะช่องเขาขาดแห่งนี้ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของทางรถไฟสายมรณะในจังหวัดกาญจนบุรี พิพิธภัณฑ์ช่องเขาขาดเริ่มก่อสร้างในปี พ.ศ. 2531 โดยอดีตเชลยศึก Mr.Tom Mooris ต่อมาได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลออสเตรเลียและรัฐบาลไทย ร่วมกันสร้างอนุสาวรีย์รำลึกถึงผู้ที่เสียชีวิต ทำการถางป่า จัดทำทางเดิน และเปิดอย่างเป็นทางการในปี พ.ศ. 2541
ภายในพิพิธภัณฑ์ช่องเขาขาด ได้เก็บรวบรวมเหตุการณ์ต่างๆผ่านการจัดแสดงนิทรรศการ ซึ่งมีทั้งภาพถ่าย ข้อมูล สิ่งของเครื่องใช้ต่างๆ นอกจากนี้ยังมีห้องมินิเธียร์เตอร์ ที่ฉายภาพยนตร์เงียบขาว-ดำ ซึ่งเป็นการถ่ายทำจากเหตุการณ์จริงในสงครามโลกครั้งที่ 2 ในภาพยนตร์เป็นชีวิตจริงของเชลยศึกทหารฝ่ายสัมพันธมิตร ได้แก่ ทหารอังกฤษ อเมริกัน ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และฮอลันดา รวมกว่า 12,000 ชีวิตและกว่า 60,000 แรงงานจากกรรมกรชาวเอเชีย ที่ทำงานอย่างยากลำบากและหนักหน่วงในการตัดเจาะภูเขาทั้งลูกด้วยมือ โดยปราศจากเครื่องมือที่ทันสมัย เพื่อสร้างเป็นทางผ่านของทางรถไฟสายมรณะในครั้งนั้น
แรงงานทุกคนต้องทำงานหามรุ่งหามค่ำเพื่อให้งานทันเวลา บางช่วงต้องปีนลงไปสกัดช่องเขาที่มีความสูงและในช่วงหน้าร้อนต้องทำงานท่ามกลางความอบอ้าว เป็นสาเหตุให้เชลยศึกหลายคนเกิดอาการเจ็บป่วยและจำนวนแพทย์ไม่เพียงพอต่อการรักษา จึงเป็นจุดจบของเชลยหลายคนที่ทนทุกข์ทรมานไม่ไหว ซึ่งถือเป็นการทารุณมนุษย์ด้วยกันอย่างโหดเหี้ยม นอกจากการทำงานที่โหดร้ายแล้ว ในภาพยนตร์ยังฉายให้เห็นถึงสภาพความเป็นอยู่ที่แสนกันดาร ขาดแคลนอาหารซึ่งมีเพียง 2 มื้อต่อวัน คือข้าวกับผักดอง แลกกับการทำงานวันละ 18 ชั่วโมง บางช่วงเวลาที่เชลยศึกต้องทำงานในตอนกลางคืนภายใต้คบเพลิง แสงเพลิงสะท้อนให้เห็นเงาร่างอันผอมบางของเชลยและผู้คุม วูบวาบปรากฏบนผนัง จึงได้รับขนานนามว่า “ช่องไฟนรก”
ส่วนสถานที่จริงนั้นอยู่ด้านหลังพิพิธภัณฑ์ เป็นเส้นทางศึกษาธรรมชาติไปยังช่องเขาขาด ซึ่งเป็นช่องเขาที่มีความกว้างเพียง 17 เมตร ปัจจุบันยังเหลือร่องรอยของทางรถไฟ และร่องรอยของการระเบิดหิน นอกจากนี้ยังมีธงประจำชาติของเชลยศึก รูปภาพ ดอกไม้ และสิ่งต่างๆ วางไว้ตามรายทางเพื่อเป็นการไว้อาลัย จากช่องเขาขาดไปอีกระยะหนึ่ง เป็นอนุสรณ์สถานและจุดชมวิวที่สวยงาม ที่เล่าขานกันมาว่าจุดชมวิวแห่งนี้ เคยเป็นสถานที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของเชลยให้มีชีวิตสู้กับชะตากรรมชีวิตภายใต้สงครามอันโหดร้าย ทารุณ และสถานที่แห่งนี้จะเป็นสิ่งที่สะท้อนให้เห็นประจักษ์ชัด ว่าสงครามไม่เคยสร้างผลดีให้กับสิ่งใดๆในโลก